ปิดเล่มแล้ว EP.02 (เขียนถึงนักเขียนใหม่)

วันก่อนเห็น @guplia (หรือพี่เพลีย คนเขียน #เรียนหมอหนักมาก) ทวีตเรื่องกว่าจะได้มาทำหนังสือ
พร้อมๆ กับที่แบงค์ (ณัฐชนน) ก็ทวีตเรื่องที่ว่าไม่ได้คิดว่าจะเอาเซเลบทวิตเตอร์มาออกหนังสือกันง่ายๆ
อย่างอิ @guplia เนี่ยใช้เวลาทำต้นฉบับอยู่ 2-3 ปี มีที่เขียนไปแล้วโละทิ้งหมดเลยก็มี

ก็เลยอยากเขียนถึงที่มาที่ไปของนักเขียนใหม่ของเราบ้าง
หลังจากที่ช่วงหลังเริ่มมีคนทักเรื่องทำไมสนพ.นี้นักเขียนหน้าตาดี คัดหน้าตานักเขียนหรือเปล่า (ทักบ่อยจนเริ่มเซ็ง)
อันที่จริงจะออกมาปฏิเสธอะไรแบบนี้ก็รู้สึกตลก เป็นสนพ.ทำไมต้องมาบอกใครว่าไม่ได้เลือกนักเขียนที่หน้าตา
คือมันก็ต้องไม่ใช่อยู่แล้ว (ปะวะ) เอาเป็นว่า มาเล่าว่านักเขียนแต่ละคนมีที่มาที่ไปยังไงให้ฟังดีกว่า
(เอาแค่นักเขียนใหม่งานนี้พอนะ)

ส่วนขั้นตอนการคัดหน้าตา ก็จะไม่เล่า (เอ๊ย!  ไม่มี!)

1. น้องตั๊ก—sweetcocoa*

11025931_649007718565624_7729729448790616_n

เราเจอตั๊กครั้งแรกที่งานหนังสือคราวที่แล้ว (ตุลา 2557)
ตั๊กมากับน้องเบียร์ (ว่าที่นักวาดคอมิกเอสเสที่เราตามจีบมานาน) แต่ตั๊กไม่ได้มาหาเรานะ มาหาอิเอม (นักข่าว)
วันนั้นเลยได้คุยกับตั๊กนิดหน่อย จนเอมมาบอกทีหลัง (ในร้านข้าวต้ม) ว่าน้องตั๊กนี่ก็มีหนังสืออยากมาเสนอเรานะ
เลยให้เอมไปบอกว่าลองส่งมาดูแล้วกัน (จริงๆ ใครถามก็ตอบงี้หมดแหละ) 

แล้วไม่นานตั๊กก็ส่งต้นฉบับมาจริงๆ จำได้ว่าเป็นเท็กซ์พร้อมเนมแบบจบเล่ม
คือน้องคิดเองทำเองมาเรียบร้อยแล้ว เป็นต้นฉบับในแบบที่เราไม่เคยเริ่มงานกับใครในขั้นตอนนี้มาก่อน
(นี่ไง เหตุผลที่ทำหนังสือช้า—เดี๋ยวว่าจะเขียนเรื่องนี้อีกที)*

เราอ่านต้นฉบับ ดูเนม เปิดเพจดูผลงานน้องย้อนหลัง ตอนนั้นส่วนตัวแล้วยังไม่เข้าตาเท่าไหร่
พอลองส่งงานต่อให้น้องกองฯ ช่วยดู ฟีดแบ็กก็ออกมาคล้ายๆ กัน
ตอนนั้นคิดว่าเอาไงดีวะ อาจจะต้องบอกปัดน้องไป แต่ทบทวนอยู่หลายวัน ก็เอ๊ะ มันก็เสียดาย ‘Content’ นะ
คือถ้าไม่ใช่ตั๊ก จะมีใครไปเที่ยวดูสนามบอลแบบนี้อีก มันไม่ได้หาง่าย
(แต่คือในกองฯ นอกจากเราแล้วก็ไม่มีใครอินเรื่องนี้เลยนะ ว้า~)
ทีนี้ก็เลยลองคอมเมนต์ตั๊กไปตรงๆ ว่าเราสนใจนะ แต่… บลา บลา บลา…

ตัดภาพมาอีกที
ตั๊กเริ่มต้นทำงานกับเราใหม่หมด เริ่มตั้งแต่เข้ามานั่งคุยเรื่องราวให้พวกเราฟังใหม่ตั้งแต่ต้น
พบว่ามีหลายส่วนที่น่าสนใจ แต่น้องไม่ได้เล่าทีแรก 
จากที่เคยบอกว่าอาจจะต้องแก้เนม ก็เปลี่ยนเป็นทำใหม่หมด
ไม่รู้ว่าตั๊กกลับบ้านไปวันนั้นด้วยความรู้สึกแบบไหน เราแอบคิดว่าน้องอาจจะไม่ทำละก็ได้
แต่สุดท้ายตั๊กก็แก้งานมาใหม่โดยที่ไม่บ่น ไม่ก่นด่า แม้แต่น้อย (หรือมีวะ ฮ่าๆ)
และกว่าเนมครั้งใหม่จะออกมาได้เป็นที่น่าพอใจ เวลาก็ผ่านไปจนตั๊กมีเวลาวาดและลงสีจริงแค่ไม่กี่อาทิตย์
ถามน้องว่าไหวมั้ย ตั๊กบอกว่าไหว เราก็อุ่นใจ เพราะเรื่องวาดกับลงสีมันงานถนัดของน้องอยู่แล้ว
อันนี้ถ้าไม่ท้อไปซะก่อน เราก็เชื่อว่าน่าจะโอเค

สุดท้ายทุกอย่างโอเค ถึง BALL YOU NEED IS LOVE จะเข้าไปขายที่งานเป็นเล่มท้ายๆ
แต่คิดว่าโดยรวม พวกเรา รวมทั้งตั๊กมีความสุขและพอใจกับมัน
เราเห็นตั๊กกรี๊ดกร๊าดดีใจวันที่ได้ชื่อหนังสือ ได้ทำปก วันที่หนังสือเข้าถึงงาน (เมื่อวาน)
แล้วก็หวังว่ามันจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีของอะไรหลายๆ อย่างสำหรับตั๊กต่อไป

2. น้องมิ้นต์—ณิศรา

11057850_651604171639312_8790116869275899950_n

น้องมิ้นต์ เป็นรุ่นน้องป่าน (ฉัตรรวี) ที่อักษร จุฬาฯ ป่านแนะนำว่าน้องมิ้นต์ตอนนี้เป็นกองบรรณาธิการอยู่ CLEO
เคยไปเรียกแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่นมาหนึ่งปี และน้องอยากลองเขียนหนังสือดู
ตอนนั้นเลยบอกให้ลองส่งคอนเซ็ปต์และโครงมาดูกัน (ก็เนี่ย ใครถามก็ตอบงี้หมดแหละ)

ปรากฏว่าน้องเขียนโครงมาสนุกมาก เรารีบให้ป่านนัดเข้ามาคุยและตกลงให้น้องเขียนต่อทันที
(เออ นัดคุยกันครั้งแรก ก็ได้ชื่อหนังสือว่า Tokyo without Banana ออกมาเลย—มายังไงก็ไม่รู้)

มิ้นต์เป็นคนมีวินัยในการทำงาน มิ้นต์ส่งงานสม่ำเสมอ แม้ช่วงหลังที่ใกล้ถึงกำหนดเดดไลน์
อ่านจากต้นฉบับก็พอจับได้ว่าน้องเร่งมือแค่ไหน ต้นฉบับครึ่งเล่มหลังเลยกลายเป็นถึงแม้จะได้มาเร็ว
แต่ก็ต้องใช้เวลาอ่านและคอมเม้นต์และส่งกลับไปให้น้องแก้อีกหลายรอบ
จากที่จะได้งานเร็วตามที่น้องอุตส่าห์มีวินัย กลายเป็นว่างานก็เลยช้ากว่าที่คิด (มาก)
แต่อันนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นความชะล่าใจและล่าช้าของเราเองด้วย

อย่างไรก็ดี เราดีใจมากที่มิ้นต์ไม่ท้อ ถึงจะได้รับคอมเม้นต์ไปเยอะ มิ้นต์ก็ให้ความร่วมมือและแก้ไขกลับมาทุกครั้ง
ช่วงแก้งาน มิ้นต์ใช้เวลาหลังเลิกงานประจำ (และงานพิธีกร) เข้ามานั่งคุยมาปรึกษากับกองฯ ดึกดื่นมืดค่ำอยู่บ่อยๆ

กว่า Tokyo without Banana จะออกมาเสร็จเป็นเล่ม (ก็เมื่อวานอีก)
เราโคตรเกรงใจน้องมิ้นต์ที่หนังสือเข้างานเป็นเล่มท้ายๆ ต้องแอบขอโทษขอโพยอยู่หลายครั้ง
โชคดีที่น้องเข้าใจและยังตื่นเต้นกับ Tokyo without Banana เล่มนี้อยู่เสมอ 🙂

อ่ะคนสุดท้าย

3. แม็กซ์ เจนมานะ

11052234_649733881826341_1940848564686644031_n

คนนี้มาแบบแปลกๆ …

เรื่องมีอยู่ว่าแฟนคลับคนนึงของแม็กซ์ (สมมติว่าชื่อแนน) แนนก็เป็นแฟนหนังสือคนนึงของพวกเราเหมือนกัน
แนนเป็นคนแนะนำว่าแม็กซ์เนี่ยก็อยากเขียนหนังสือนะพี่ ซึ่งแน่นอนเราก็บอกว่า ลองมาคุยดูสิ
(ก็…ใครถามก็ตอบงี้หมดแหละ) ผ่านไปซักพักแม็กซ์ก็โทร.มาจริงๆ
เราก็ถามเรื่องเขียนๆ อ่านๆ นิดหน่อย (จริงๆ นี่เขียนเล่าเหมือนที่เขียนใน คำนำ เล่มเลยอะ)

แต่ที่ไม่อยู่ในคำนำเล่ม (จำไม่ได้ว่าเล่าให้เจ้าตัวมันฟังหรือเปล่าด้วย)
ก็คือ เดิมทีเราไม่ได้นับเล่มแม็กซ์เข้ามาใน Line up ของหนังสือที่จะออกงานนี้
ด้วยเหตุผลง่ายๆ ประมาณสองข้อคือ
1. ก็พ่อคุณเล่นมาคุยๆ หายๆ ระดับความตั้งใจมีแค่ไหนก็ไม่รู้ อาจจะมาแย้บเล่นๆ ก็เป็นได้
2. ไม่เคยอ่านงานเขียนของแม็กซ์จริงๆ จังๆ เขียนออกมาแล้วก็ไม่รู้ว่าจะเข้าที่เข้าทางมากแค่ไหนด้วยซ้ำ
และข้อสาม (ไหนบอกว่ามีสอง…) คือเราไม่ค่อยไว้ใจอะไรที่มาแบบบังเอิญ
กว่าจะได้นักเขียนมาแต่ละคน ถ้าไม่ใช่มาจากการเป็นคนรู้จักมักคุ้นกันมาก่อน
เราต้องซุ่มทำความรู้จักเอาเองซักพัก—ซึ่งแม็กซ์ไม่ได้ผ่านขั้นตอนเหล่านี้มา  – –

ใกล้เคียงสุดคือ พอจำได้ว่าแม็กซ์เป็นเดอะว้อยซ์ในทีมโค้ชแสตมป์
เราลองไปบอกแตมป์ว่า เดี๋ยวแม็กซ์จะมาทำหนังสือกับเรานะ
แล้วแตมป์ก็บอกว่า ‘เฮ้ย ดี เหมาะ มันเก่ง มันเป็นเด็กดี’ โอเค ความมั่นใจเดียวที่มีก็ประมาณนี้…

ตอนเริ่มคุยกัน จำได้ว่าเป็นช่วงเดือนพ.ค. (ว่าง)
แต่กว่าจะได้ต้นฉบับล็อตแรกจากแม็กซ์มาอ่าน ก็ปาเข้าไปช่วงปลายปีแล้ว
ตอนนั้นแหละเราถึงจับเล่มนี้เข้ามาอยู่ในไลน์อัพของเดือนมีนา
เพราะแม็กซ์เขียนหนังสือเก่ง อ่านสนุก อ่านไป 6 บทแรกแล้วรู้สึกได้ว่า นี่มันไม่ใช่เล่นๆ แล้ว มันเอาจริง

แล้วมันก็เอาจริง—จริงๆ

ช่วงสุดท้ายของการปิดเล่มแม็กซ์มานอนค้างอยู่ที่ออฟฟิศ บางวันตื่นมาก็นั่งเขียนงาน แล้วก็ออกไปร้องเพลงนู่นนี่
แล้วก็กลับมานั่งเขียนงานต่อ เสมือนเป็นส่วนหนึ่งของกองฯ
(ประเด็นคือบ้านมันไกลไง มาแล้วก็ขี้เกียจกลับ กลับแล้วก็ขี้เกียจมา)
จากที่เคยเป็นคนแปลกหน้าของสนพ. ก็มาอยู่กินนอนจนเริ่มไม่มีคนสนใจ ฮ่าาา…
ยิ่งทำให้รู้สึกว่า ไอ้เด็กนี่มันบ้า อะไรจะมีพลังงานจริงจังและตั้งใจขนาดนี้
นี่ยังไม่นับกับที่มาสารภาพถึงเรื่องยุ่งยากในชีวิตต่างๆ ที่เข้ามาพอดีในช่วงปิดเล่มจนเราต้องแอบลุ้นว่ามันจะรอดมั้ยวะ
(ซึ่งจริงๆ ถ้าจะไม่รอดก็โอเคนะ เข้าใจได้)

จริงๆ ที่เขียนซะยาว คืออยากบอกว่า กว่า Strange to Meet You – น่าแปลกที่แปลกหน้า จะออกมาเป็นเล่ม
แม็กซ์ทำงานหนักไม่แพ้นักเขียนคนอื่น หรืออาจจะมากกว่าหลายคนด้วย
(เออ มีวันที่มันนอนรอคนวาดภาพประกอบถึงเช้าอีกนะ)

บางคนอาจจะคิดว่าการเอาคนมีชื่อเสียงอยู่แล้ว (นักร้อง, ดารา) มาเขียนหนังสือนี่คือได้เปรียบ
แต่สำหรับเราแล้วมันโคตรยาก และโคตรลุ้นว่าคนอ่านจะเปิดใจรับแค่ไหน
จะก้าวข้ามกำแพงของการเอานักร้องมาออกหนังสือได้ยังไง
อันนี้ก็ไม่รู้ ต้องอ่านแล้วตัดสินเอาเอง.

แต่นั่นแหละ ไม่ได้คัดหน้าตา
(ตัดจบเลย ฮ่าา)

4 comments
  1. สารภาพว่า ตอนแรกแปลกใจเหมือนกันว่าคุณแมกซ์มาเขียนหนังสือ
    พอออกมากลายเป็นว่าเป็นหนึ่งในเล่มที่อยากอ่านที่สุดเลย

    ติดตามค่ะ 😀

    Like

    • เย้ ขอบคุณค่าาา ถ้าได้อ่านหวังว่าจะชอบนะคะ 🙂

      Liked by 1 person

Leave a comment